การ์ดแลนคืออุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อระบบแลนหรือเน็ตเวอร์ค มีทั้งเป็นแบบการ์ดสำหรับเสียบลงบนเมนบอร์ดและแบบออนบอร์ดคือรวมอยู่ในเมนบอร์ด สำหรับเครื่องคอมที่ยังไม่มีก็สามารถซื้อการ์ดแลนมาใส่ได้ โปรแกรมลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฏหมายโดยทั่วไปจะมีระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งก็มีหลายวิธี แต่ทางเราเลือกวิธีการตรวจสอบจากหมายเลขแมคแอดเดรสของการ์ดแลนก็เพราะว่าหมายเลขนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับหมายเลขของฮาร์ดดิส ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งโปรแกรมที่เครื่องเดิมได้ไม่จำกัดและสามารถเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ต่างๆของคอมพิวเตอร์ได้(ยกเว้นการ์ดแลนหรือเมนบอร์ดที่มีการ์ดแลนอยู่ด้วย) ซึ่งโปรแกรมจะใช้การ์ดแลนเป็นตัวอ้างอิงเท่านั้น ในการใช้โปรแกรมไม่จำเป็นต้องเสียบสายแลนหรือต่ออินเตอร์เน็ต
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ.การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย.กรุงเทพฯวังอักษร2550
วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553
บทความ สวิตซิง (switching)
สวิตชิง (switching) เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อให้รับส่งข้อมูลระหว่างสถานีได้เร็วยิ่งขึ้น การคัดเลือกชุดข้อมูลที่ส่งมาและส่งต่อไปยังสถานีปลายทางจะกระทำที่ชุมสายกลางที่เรียกว่า สวิตชิง ดังนั้นรูปแบบของเครือข่ายจึงมีลักษณะเป็นรูปดาว
อีเธอร์เน็ตสวิตช์เป็นการสลับสายสัญญาณในเครือข่าย โดยรูปแบบสัญญาณเป็นแบบอีเธอร์เน็ต การสวิตชิงนี้ แตกต่างจากแบบฮับ เพราะแบบฮับมีโครงสร้างเหมือนเป็นจุดร่วมของสายสัญญาณที่จะต่อกระจายไปยังทุกสาย แต่สวิตชิงจะเลือกการสลับสัญญาณมีความเป็นอิสระต่อกันมาก ทำให้การรับส่งสัญญาณไม่มีปัญญาหาเรื่องการชนกันของข้อมูล อีเธอร์เน็ตสวิตชิงยังใช้มาตรฐานความเร็วเหมือนกับอีเธอร์เน็ตธรรมดา คือความเร็วในการรับส่งสัญญาณตั้งแต่ 10,100 และ 1,000 ล้านบิตต่อวินาที
เอทีเอ็มสวิตช์เป็นอุปกรณ์การสลับสารสัญญาณในการรับส่งข้อมูลที่มีการรับส่งกันเป็นชุดๆ ข้อมูลแต่ละชุดเรียกว่า เซล มีขนาดจำกัด การสวิตชิงแบบเอทีเอ็มทำให้ข้อมูลจากสถานีหนึ่งไปยังอีกสถานีหนึ่งดำเนินไปอย่างรวดเร็ว การที่เอทีเอ็มสวิตช์มีความเร็วในการสลับสัญญาณสูง จึงสามารถประยุกต์งานสมัยใหม่หลายอย่างที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การเชื่อมโยงสื่อสารแบบหลายสื่อที่รวมทั้งข้อความ รูปภาพ เสียงและวีดีทัศน์
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ.การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย.กรุงเทพฯวังอักษร2550
อีเธอร์เน็ตสวิตช์เป็นการสลับสายสัญญาณในเครือข่าย โดยรูปแบบสัญญาณเป็นแบบอีเธอร์เน็ต การสวิตชิงนี้ แตกต่างจากแบบฮับ เพราะแบบฮับมีโครงสร้างเหมือนเป็นจุดร่วมของสายสัญญาณที่จะต่อกระจายไปยังทุกสาย แต่สวิตชิงจะเลือกการสลับสัญญาณมีความเป็นอิสระต่อกันมาก ทำให้การรับส่งสัญญาณไม่มีปัญญาหาเรื่องการชนกันของข้อมูล อีเธอร์เน็ตสวิตชิงยังใช้มาตรฐานความเร็วเหมือนกับอีเธอร์เน็ตธรรมดา คือความเร็วในการรับส่งสัญญาณตั้งแต่ 10,100 และ 1,000 ล้านบิตต่อวินาที
เอทีเอ็มสวิตช์เป็นอุปกรณ์การสลับสารสัญญาณในการรับส่งข้อมูลที่มีการรับส่งกันเป็นชุดๆ ข้อมูลแต่ละชุดเรียกว่า เซล มีขนาดจำกัด การสวิตชิงแบบเอทีเอ็มทำให้ข้อมูลจากสถานีหนึ่งไปยังอีกสถานีหนึ่งดำเนินไปอย่างรวดเร็ว การที่เอทีเอ็มสวิตช์มีความเร็วในการสลับสัญญาณสูง จึงสามารถประยุกต์งานสมัยใหม่หลายอย่างที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การเชื่อมโยงสื่อสารแบบหลายสื่อที่รวมทั้งข้อความ รูปภาพ เสียงและวีดีทัศน์
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ.การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย.กรุงเทพฯวังอักษร2550
บทความ WAP ( Wireless Application Protocol )
WAP ( Wireless Application Protocol ) เป็น Protocol ที่เป็นมาตรฐานสากล ที่เกิดจากความร่วมมือกันของ หลายๆบริษัท ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ เพื่อนำเอาลูกเล่นหรือ ความสามารถ ต่างๆ ของ Wireless Application และ ของทางด้าน Internet ให้มาใช้ได้ บนเครื่องโทรศัพท์มือถือ WAP จะทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ใช้งานทางด้าน Internet ทั่วๆไปได้ เหมือนๆกับใช้งานผ่านทาง เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยที่ WAP นั้นไม่ต้องการ CPU ที่มีประสิทธิภาพ สูงๆ ไม่ต้องการหน่วยความจำมากๆ ไม่ต้องการแหล่งพลังงานมาก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่หลายเรื่องด้วยเช่นกันที่อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกแปลกและ ติดขัดบ้าง เช่น ข้อจำกัดด้าน Bandwidth, มี Display ขนาดเล็ก และ มีส่วนของการป้อนข้อมูลเข้า ( Input ) ที่แตกต่างจากการใช้งาน บนคอมพิวเตอร์อยู่พอสมควร แต่จุดเด่นของ WAP นั้น ก็คือทำให้ ใช้งานได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสามารถพกพา หรือนำไปใช้งาน ณ ที่ไหนๆ ก็ได้ ซึ่งจุดนี้ ก็น่าจะหักล้างกับข้อจำกัดต่างๆลงได้ WAP นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ไม่จำกัดเพียงแค่โทรศัพท์มือถือเท่านั้น หากยังรวมไปถึง วิทยุติดตามตัว ( Pager ), วิทยุรับส่งที่เรียกว่า Two-Way Radio, Smartphone และรวมไปถึงอุปกรณ์สือสารต่างๆ ตั้งแต่ระดับ Low-End จนถึง High-End เลยทีเดียว ซึ่ง ระบบ Network ที่ใช้กับ WAP ได้นั้น ก็ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง CDPD, CDMA, GSM, PDC, PHS, TDMA, FLEX, ReFLEX, iDEN, TETRA, DECT, DataTAC และ Mobitex. WAP เป็น Protocol สำหรับการสื่อสาร ซึ่งสามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการ ( OS : Operating ) ต่างๆ ได้หลากหลาย เป็น Protocol ที่เป็นมาตรฐานสากล ที่เกิดจากความร่วมมือกันของ หลายๆบริษัท ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ เพื่อนำเอาลูกเล่นหรือ ความสามารถ ต่างๆ ของ Wireless Application และ ของทางด้าน Internet ให้มาใช้ได้ บนเครื่องโทรศัพท์มือถือ WAP จะทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ใช้งานทางด้าน Internet ทั่วๆไปได้ เหมือนๆกับใช้งานผ่านทาง เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยที่ WAP นั้นไม่ต้องการ CPU ที่มีประสิทธิภาพ สูงๆ ไม่ต้องการหน่วยความจำมากๆ ไม่ต้องการแหล่งพลังงานมาก แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่หลายเรื่องด้วยเช่นกันที่อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกแปลกและ ติดขัดบ้าง เช่น ข้อจำกัดด้าน Bandwidth, มี Display ขนาดเล็ก และ มีส่วนของการป้อนข้อมูลเข้า ( Input ) ที่แตกต่างจากการใช้งาน บนคอมพิวเตอร์อยู่พอสมควร แต่จุดเด่นของ WAP นั้น ก็คือทำให้ ใช้งานได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสามารถพกพา หรือนำไปใช้งาน ณ ที่ไหนๆ ก็ได้ ซึ่งจุดนี้ ก็น่าจะหักล้างกับข้อจำกัดต่างๆลงได้ WAP นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ไม่จำกัดเพียงแค่โทรศัพท์มือถือเท่านั้น หากยังรวมไปถึง วิทยุติดตามตัว ( Pager ), วิทยุรับส่งที่เรียกว่า Two-Way Radio, Smartphone และรวมไปถึงอุปกรณ์สือสารต่างๆ ตั้งแต่ระดับ Low-End จนถึง High-End เลยทีเดียว ซึ่ง ระบบ Network ที่ใช้กับ WAP ได้นั้น ก็ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง CDPD, CDMA, GSM, PDC, PHS, TDMA, FLEX, ReFLEX, iDEN, TETRA, DECT, DataTAC และ Mobitex. WAP เป็น Protocol สำหรับการสื่อสาร ซึ่งสามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการ ( OS : Operating ) ต่างๆ ได้หลากหลาย
บรรณานุกรม โอกาส เอื่ยมสิริวงศ์. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร.กรุงเทพฯ ซีเอ็ดยูเคชั่น,
บรรณานุกรม โอกาส เอื่ยมสิริวงศ์. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร.กรุงเทพฯ ซีเอ็ดยูเคชั่น,
บทความ โพรโตคอล
ในการสื่อสารทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จำต้องมีการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบ ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่ออยู่ในเครือข่ายเดียวกันนี้ อาจจะมีฮาร์ดแวร์,ซอฟท์แวร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อทำการส่งข้อมูลถึงกันและตีความหมายได้ตรงกัน จึงต้องมีการกำหนดระเบียบวิธีการติดต่อให้ตรงกัน โปรโตคอล ( Protocol ) คือระเบียบวิธีที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสารข้อมูล โดยสามารถส่งผ่านข้อมูลไปยังปลายทางได้อย่างถูกต้อง ซึ่งตัวโปรโตคอลที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ TCP/IP นอกจากนี้ยังมีการออกแบบโปรโตคอลตัวอื่นๆขึ้นมาใช้งานอีก เช่น โปรโตคอล IPX/SPX,โปรโตคอล NetBEUI และ โปรโตคอล Apple Talk
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ.การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย.กรุงเทพฯวังอักษร2550
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ.การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย.กรุงเทพฯวังอักษร2550
บทความ โทเก็นริง (Token Ring)
โทเก็นริง (Token Ring) ระบบ LAN ที่ใช้โครงสร้างเชื่อมโยงแบบวงแหวน แต่ใช้ตัวกลางเป็นสาย UTP การรับส่งสัญญาณเป็นแบบ Digital Baseband ความเร็วในการรับส่งมีทั้งแบบ 4 เมกะบิตต่อวินาที และ 16 เมกะบิตต่อวินาที
การกำหนดโปรโตคอลใน FDDI และ Token Ring ในระดับดาต้าลิงค์ ใช้รูปแบบข้อมูลเป็นเฟรม อุปกรณ์แต่ละตัวมีแอดเดรสประจำ การรับส่งข้อมูล ส่งต่อตามบำดับตามเส้นทางของสายต่อที่เป็นวงแหวน ตัวรับจะตรวจสอบแอดเดรส ซึ่งตัวตรงกับของตนก็จะคัดลอกข้อมูลขึ้นมา แล้วตอบรับว่าได้รับข้อมูลนั้นแล้ว
จะเห็นได้ชัดว่า โปรโตคอลของ LAN ใน 2 ระดับล่าง เป็นการสื่อสารกันในกลุ่มของตนเอง ภายใต้กลุ่ม LAN นั้น ๆ เท่านั้น เช่น ถ้าเป็น Ethernet ก็จะสื่อสารกันในอุปกรณ์ที่ต่ออยู่ในกลุ่มนั้นเท่านั้น
เมื่อนำ LAN ต่างกลุ่มมาต่อเชื่อมรวมกัน การเชื่อมรวมกันนี้อาจเป็น LAN ที่ใช้โปรโตคอลเหมือนกัน หรือต่างกันก็ได้ เช่น นำ Ethernet มาเชื่อมต่อกับ Ethernet หรือ Ethernet กับ Token Ring การเชื่อมต่อระหว่าง LAN ด้วยกันนี้ จำเป็นต้องมีโปรโตคอล ช่วยในการติดต่อระหว่างกัน โปรโตคอลในระดับนี้จึงอยู่ในชั้นระดับสามคือ โปรโตคอลชั้นเน็ตเวิร์ค
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ.การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย.กรุงเทพฯวังอักษร2550
การกำหนดโปรโตคอลใน FDDI และ Token Ring ในระดับดาต้าลิงค์ ใช้รูปแบบข้อมูลเป็นเฟรม อุปกรณ์แต่ละตัวมีแอดเดรสประจำ การรับส่งข้อมูล ส่งต่อตามบำดับตามเส้นทางของสายต่อที่เป็นวงแหวน ตัวรับจะตรวจสอบแอดเดรส ซึ่งตัวตรงกับของตนก็จะคัดลอกข้อมูลขึ้นมา แล้วตอบรับว่าได้รับข้อมูลนั้นแล้ว
จะเห็นได้ชัดว่า โปรโตคอลของ LAN ใน 2 ระดับล่าง เป็นการสื่อสารกันในกลุ่มของตนเอง ภายใต้กลุ่ม LAN นั้น ๆ เท่านั้น เช่น ถ้าเป็น Ethernet ก็จะสื่อสารกันในอุปกรณ์ที่ต่ออยู่ในกลุ่มนั้นเท่านั้น
เมื่อนำ LAN ต่างกลุ่มมาต่อเชื่อมรวมกัน การเชื่อมรวมกันนี้อาจเป็น LAN ที่ใช้โปรโตคอลเหมือนกัน หรือต่างกันก็ได้ เช่น นำ Ethernet มาเชื่อมต่อกับ Ethernet หรือ Ethernet กับ Token Ring การเชื่อมต่อระหว่าง LAN ด้วยกันนี้ จำเป็นต้องมีโปรโตคอล ช่วยในการติดต่อระหว่างกัน โปรโตคอลในระดับนี้จึงอยู่ในชั้นระดับสามคือ โปรโตคอลชั้นเน็ตเวิร์ค
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ.การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย.กรุงเทพฯวังอักษร2550
บริดจ์ (Bridge)
บริดจ์ เป็นอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่ายของเครือข่ายที่แยกจากกัน แต่เดิมบริดจ์ได้รับการออกแบบมาให้ใช้กับเครือข่ายประเภทเดียวกัน เช่น ใช้เชื่อมโยงระหว่างอีเทอร์เน็ตกับ อีเทอร์เน็ต (Ethernet) บริดจ์มีใช้มานานแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 บริดจ์จึงเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างสองเครือข่าย การติดต่อภายในเครือข่ายเดียวกันมีลักษณะการส่ง ข้อมูลแบบกระจาย (Broadcasting) ดังนั้น จึงกระจายได้เฉพาะเครือข่ายเดียวกันเท่านั้น การรับส่งภายในเครือข่ายมีข้อกำหนดให้แพ็กเก็ตที่ส่งกระจายไปยังตัวรับได้ทุกตัว แต่ถ้ามีการส่งมาที่แอดเดรสต่างเครือข่าย บริดจ์จะนำข้อมูลเฉพาะแพ็กเก็ตนั้นส่งให้ บริดจ์จึงเป็นเสมือนตัวแบ่งแยกข้อมูล ระหว่างเครือข่ายให้มีการสื่อสารภายในเครือข่าย ของตน ไม่ปะปนไปยังอีกเครือข่ายหนึ่ง เพื่อลดปัญหาปริมาณข้อมูลกระจายในสายสื่อสารมากเกินไป ในระยะหลังมีผู้พัฒนาบริดจ์ให้เชื่อมโยงเครือข่ายต่างชนิดกันได้ เช่น อีเทอร์เน็ตกับโทเก็นริง เป็นต้น หากมีการเชื่อมต่อเครือข่ายมากกว่าสองเครือข่ายเข้าด้วยกัน และเครือข่ายที่เชื่อมมีลักษณะหลากหลาย ซึ่งเป็นทั้งเครือข่ายแบบ LAN และ WAN อุปกรณ์ที่นิยมใช้ในการเชื่อมโยงคือ เราเตอร์ (Router)
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ.การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย,กรุงเทพฯวังอักษร,2550
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ.การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย,กรุงเทพฯวังอักษร,2550
ตัวทวนสัญญาณ (Repeater)
รีพีทเตอร์สำหรับเครือข่ายวิทยุเป็นอุปกรณ์สำหรับช่วยขยายเขตการติดต่อ โดยทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณอ่อนที่ส่งเข้ามาและทำการส่งออกไปด้วยกำลังที่สูงขึ้น ระบบที่ใช้กันมากคือการส่งออกทันทีด้วยความถี่ต่างกัน (Duplex Repeater) ในระบบรีพีทเตอร์ย่าน VHF ของวิทยุสมัครเล่นนั้น ความถี่ที่รับจะใช้ความถี่ต่ำกว่าความถี่ส่งอยู่ 600 kHz (-600 kHz) แต่ในรีพีทเตอร์บางแบบจะใช้ความถี่ขาเข้าและขาออกด้วยความถี่เดียว(Simplex Repeater) กัน แต่หน่วงเวลาเพื่อรับข้อความขาเข้าจนจบแล้วจึงทำการส่งออกไป ระบบรีพีทเตอร์มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยให้การติดต่อในกลุ่มนักวิทยุสมัครเล่นทำได้ง่ายขึ้นและระยะทางไกลมากขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยระบบสาบอากาศประจำสถานีที่สูงมากนัก โดยเฉพาะช่วงเกิดภัยพิบัติหรือภาวะฉุกเฉินระบบรีพีทเตอร์จะมีบทบาทอย่างโดดเด่นทุกครั้ง รีพีทเตอร์บางกลุ่มในสหรัฐอเมริกาจะทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงการติดต่อได้ตลอดเส้นทางหลวงของประเทศทั้งหมด
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ. การสสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย,กรุงเทพฯวังอักษร.2550
บรรณานุกรม สุรชาติ พงศ์สุธนะ. การสสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย,กรุงเทพฯวังอักษร.2550
บทความ เกตเวย์ (Gateway)
เกตเวย์ (Gateway) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยในการสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งหน้าที่หลักของเกตเวย์คือช่วยทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่าย หรือมากกว่าที่มีลักษณะไม่เหมือนกัน คือเครือข่ายที่มีลักษณะของการเชื่อมต่อ (Connectivity) ของเครือข่ายต่างกันและมีโพรโทคอลสำหรับส่ง–รับข้อมูลต่างกันให้สามารถติดต่อกันได้เสมือนเป็นเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งมักจะติดตั้งไว้ในระบบเครือข่ายเฉพาะบริเวณเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารกับระบบเครือข่ายอื่น หรือระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ใช้โพรโทคอลต่างชนิดกัน ดังนั้นเกตเวย์จึงทำหน้าที่เป็นคอนเวอร์เตอร์ด้วย
บรรณานุกรม ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ.เทคโนโลยีเครือข่ายสื่อสารข้อมูล.กรุงเทพฯดอกหญ้ากรุ๊ป
บรรณานุกรม ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ.เทคโนโลยีเครือข่ายสื่อสารข้อมูล.กรุงเทพฯดอกหญ้ากรุ๊ป
บทความ เราท์เตอร์ (Router)
เราเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนกว่าบริดจ์ ทำหน้าที่เชื่อมต่อ LAN หลายๆ เครือข่ายเข้าด้วยกันคล้ายกับสวิตช์แต่จะมีส่วนเพิ่มเติมขึ้นมาคือ เราเตอร์สามารเชื่อมต่อ LAN ที่ใช้โปรโตคอลในการรับส่งข้อมูลเหมือนกัน แต่ใช้สื่อส่งข้อมูลหรือสายส่งต่างชนิดกันได้ เช่น เชื่อมต่อ Ethernet LAN ที่ใช้รับส่งข้อมูลแบบ UTP เข้ากับ Ethernet อีกเครือข่ายหนึ่งที่ใช้สายข้อมูลแบบ coaxial cable ได้
เราเตอร์ทำงานเสมือนเป็นเครื่องหรือโหนดหนึ่งใน LAN ซึ่งจะทำการรับข้อมูลเข้ามาแล้วส่งต่อไปยังปลายทาง โดยอาจส่งในรูปแบบของ packet ที่ต่างออกไปจากเดิม เพื่อไปผ่านสายสัญญาณแบบอื่น ๆ เช่น สายโทรศัพท์ที่ต่อผ่านโมเด็มก็ได้ ดังนั้นเราจึงอาจใช้เราเตอร์เพื่อเชื่อมต่อ LAN หลาย ๆ แบบเข้าด้วยกันได้ด้วย และจากการที่มันทำตัวเสมือนเป็นโหนด ๆ หนึ่งใน LAN ทำให้เราเตอร์สามารถทำงานอื่น ๆ อีกมาก เช่น รวบรวมข้อมูลเพื่อหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งข้อมูลต่อ หรือตรวจสอบว่าข้อมูลที่เข้ามานั้นมาจากไหน ควรจะให้ผ่านหรือไม่ เพื่อช่วยในเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย
บรรณารุกรม ประสิทธิ ทีฆพุฒิ. เทคโนโลยีเครือข่ายสื่อสารข้อมูล.กรุงเทพฯ ดอกหญ้ากรุ๊ป 2550
เราเตอร์ทำงานเสมือนเป็นเครื่องหรือโหนดหนึ่งใน LAN ซึ่งจะทำการรับข้อมูลเข้ามาแล้วส่งต่อไปยังปลายทาง โดยอาจส่งในรูปแบบของ packet ที่ต่างออกไปจากเดิม เพื่อไปผ่านสายสัญญาณแบบอื่น ๆ เช่น สายโทรศัพท์ที่ต่อผ่านโมเด็มก็ได้ ดังนั้นเราจึงอาจใช้เราเตอร์เพื่อเชื่อมต่อ LAN หลาย ๆ แบบเข้าด้วยกันได้ด้วย และจากการที่มันทำตัวเสมือนเป็นโหนด ๆ หนึ่งใน LAN ทำให้เราเตอร์สามารถทำงานอื่น ๆ อีกมาก เช่น รวบรวมข้อมูลเพื่อหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งข้อมูลต่อ หรือตรวจสอบว่าข้อมูลที่เข้ามานั้นมาจากไหน ควรจะให้ผ่านหรือไม่ เพื่อช่วยในเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย
บรรณารุกรม ประสิทธิ ทีฆพุฒิ. เทคโนโลยีเครือข่ายสื่อสารข้อมูล.กรุงเทพฯ ดอกหญ้ากรุ๊ป 2550
บทความ เครือข่ายท้องถิ่น ( Local Area Notwort)
ลักษณะการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ถึงกันทั้งหมด จึงมีการแบ่งแยกเครือข่ายเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายภายในพื้นที่ใกล้ ๆ กัน เรียกว่า LAN (Local Area Network) และการเชื่อมโยงระยะไกล ที่เรียกว่า WAN (Wide Area Network)
เครือข่าย LAN เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เช่นอยู่ในอาคารเดียวกัน สามารถ ดูแลได้เอง การเชื่อมโยงเครือข่าย LAN ที่นิยมใช้กันมี 2 รูปแบบดังนี้
เครือข่าย LAN แบบอีเทอร์เน็ต มีการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 10-100 Mbps. มีพื้นฐานรูปแบบการเชื่อมโยงร่วมกันแบบบัส คือ ทุกอุปกรณ์จะเชื่อมต่อกันบนสายสัญญาณเส้นเดียว ดังนั้นการรับส่งต้องมีการจัดการไม่ให้รับส่งพร้อมกันเกินกว่าหนึ่งคู่ ขบวนการรับส่งข้อมูลจึงถูกกำหนดขึ้น โดยให้อุปกรณ์ที่จะส่งข้อมูลตรวจสอบว่ามีข้อมูลใดวิ่งอยู่บนสายหรือไม่ หากไม่มีจึงส่งได้ และถ้ามีการชนกันของข้อมูลบนสายก็จะส่งใหม่ การหลีกเลี่ยงการชนกันจึงกระทำได้ในเครือข่ายระยะใกล้
เครือข่าย LAN แบบโทเก็นริง มีความเร็ว 16 Mbps. เชื่อมต่อกันเป็นวงแหวนโดยแพ็กเก็ตข้อมูลจะวิ่งวนในทิศทางใดทางหนึ่ง ถ้ามีแอดเดรสปลายทางเป็นของใคร อุปกรณ์นั้นจะรับข้อมูลไป การจัดการรับส่งข้อมูลในวงแหวนจึงเป็นไปอย่างมีระเบียบ
เครือข่าย LAN ที่อยู่ในมาตรฐานเดียวกันสามารถเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่ทุกตัวจะมีแอดเดรสประจำ และแอดเดรสเหล่านี้จะซ้ำกันไม่ได้ โดยปกติผู้ผลิตอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่ายได้กำหนดแอดเดรสเหล่านี้มาให้แล้ว
เพื่อจะให้เชื่อมโยงเครือข่ายต่างมาตรฐานกันได้นั้น มีวิธีการพัฒนาให้ระบบสามารถนำแพ็กเก็ต เฉพาะของเครือข่ายมาใส่ในแพ็กเก็ตกลางที่เชื่อมโยงระหว่างกันได้ เช่น TCP/IP ตัวอย่าง เช่น ถ้าต้องการเชื่อมเครือข่าย LAN หลาย ๆ เครือข่ายเข้าด้วยกันให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน เครือข่ายอีเทอร์เน็ตมีแพ็กเก็ตเฉพาะเมื่อจะส่งออก ก็นำแพ็กเก็ตเฉพาะมาเปลี่ยนถ่ายลงในแพ็กเก็ต TCP/IP แล้วส่งต่อ.. แพ็กเก็ต TCP/IP จึงเป็นแพ็กเก็ตกลางที่พร้อมรับแพ็กเก็ตย่อยอื่นได้ ดังนั้นการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย เช่น อีเทอร์เน็ตในปัจจุบันจึงเกิดขึ้นได้
บรรณานุกรม โอกาส เอื่ยมสิริวงศ์. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร.กรุงเทพฯ ซีเอ็ดยูเคชั่น,2548
เครือข่าย LAN เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เช่นอยู่ในอาคารเดียวกัน สามารถ ดูแลได้เอง การเชื่อมโยงเครือข่าย LAN ที่นิยมใช้กันมี 2 รูปแบบดังนี้
เครือข่าย LAN แบบอีเทอร์เน็ต มีการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 10-100 Mbps. มีพื้นฐานรูปแบบการเชื่อมโยงร่วมกันแบบบัส คือ ทุกอุปกรณ์จะเชื่อมต่อกันบนสายสัญญาณเส้นเดียว ดังนั้นการรับส่งต้องมีการจัดการไม่ให้รับส่งพร้อมกันเกินกว่าหนึ่งคู่ ขบวนการรับส่งข้อมูลจึงถูกกำหนดขึ้น โดยให้อุปกรณ์ที่จะส่งข้อมูลตรวจสอบว่ามีข้อมูลใดวิ่งอยู่บนสายหรือไม่ หากไม่มีจึงส่งได้ และถ้ามีการชนกันของข้อมูลบนสายก็จะส่งใหม่ การหลีกเลี่ยงการชนกันจึงกระทำได้ในเครือข่ายระยะใกล้
เครือข่าย LAN แบบโทเก็นริง มีความเร็ว 16 Mbps. เชื่อมต่อกันเป็นวงแหวนโดยแพ็กเก็ตข้อมูลจะวิ่งวนในทิศทางใดทางหนึ่ง ถ้ามีแอดเดรสปลายทางเป็นของใคร อุปกรณ์นั้นจะรับข้อมูลไป การจัดการรับส่งข้อมูลในวงแหวนจึงเป็นไปอย่างมีระเบียบ
เครือข่าย LAN ที่อยู่ในมาตรฐานเดียวกันสามารถเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่ทุกตัวจะมีแอดเดรสประจำ และแอดเดรสเหล่านี้จะซ้ำกันไม่ได้ โดยปกติผู้ผลิตอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่ายได้กำหนดแอดเดรสเหล่านี้มาให้แล้ว
เพื่อจะให้เชื่อมโยงเครือข่ายต่างมาตรฐานกันได้นั้น มีวิธีการพัฒนาให้ระบบสามารถนำแพ็กเก็ต เฉพาะของเครือข่ายมาใส่ในแพ็กเก็ตกลางที่เชื่อมโยงระหว่างกันได้ เช่น TCP/IP ตัวอย่าง เช่น ถ้าต้องการเชื่อมเครือข่าย LAN หลาย ๆ เครือข่ายเข้าด้วยกันให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน เครือข่ายอีเทอร์เน็ตมีแพ็กเก็ตเฉพาะเมื่อจะส่งออก ก็นำแพ็กเก็ตเฉพาะมาเปลี่ยนถ่ายลงในแพ็กเก็ต TCP/IP แล้วส่งต่อ.. แพ็กเก็ต TCP/IP จึงเป็นแพ็กเก็ตกลางที่พร้อมรับแพ็กเก็ตย่อยอื่นได้ ดังนั้นการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย เช่น อีเทอร์เน็ตในปัจจุบันจึงเกิดขึ้นได้
บรรณานุกรม โอกาส เอื่ยมสิริวงศ์. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสาร.กรุงเทพฯ ซีเอ็ดยูเคชั่น,2548
วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553
สรุป The Dawn of the net
ปัจจุบันนี้การส่งข้อมูลในระบบ Internet เป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากกว่าระบบอื่น ซึ่งการส่งข้อมูลทางระบบนี้มีหลักการทำงานคร่าวๆดังนี้
1. ก่อนการส่งข้อมูลต้องมีการจัดเก็บข้อมูลให้เป็น Packet ก่อนซึ่งการจัดเก็บข้อมูลเป็น Packet นี้ก็เหมือนการบรรจุลงกล่อง นั้นเอง และ Packet ที่ส่งไปก็มีหลายชนิดเช่น TCP Packet , ICMD Packet และ UDP Packet เป็นต้น
2. แต่ละ Packet มีการติดฉลาก หรือ Label เพื่อเป็นการระบุให้ทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ Packet นั้นๆ
3. ส่งข้อมูลแต่ละ Packet ไปตามเส้นทาง ( เส้นทางเป็นลักษณะของลำแสง) ซึ่งในระหว่างส่งข้อมูลนี้ มีข้อมูลบาง Packet ถูกทำลายไป
4. ในเส้นทางมีทั้ง Packet เดินทางไป และ Packet เดินทางกลับ คือเดินสวนกันบ้าง คล้ายกับการจราจรของรถยนต์ บนถนน แตกต่างตรงที่ไม่มีเลน ในการเดินทาง อาจทำให้ Packet ถูก ทำลายไปบ้าง ซึ่งในการเดินทางของ Packet นั้นจะมี Router คอยจัดเส้นทางให้เหมาะสมกับ Packet
5. จาก Router ก็จะไปที่ Router Switch ที่คัดแยกข้อมูลอีกรอบ ซึ่งจะแยกข้อมูลออกเป็นหลายทางเพื่อส่ง Packet ไปยัง Proxy โดยปัดข้อมูลไปตามทาง ซึ่งกำหนดเส้นทางของข้อมูลโดยเลขฐานสองที่ปรากฏบนหน้าจอของ Router Switch
6. จากนั้น Proxy ก็จะทำการคัดแยกข้อมูลเข้าเก็บไว้เป็นชั้นๆ อย่างเป็นระเบียบซึ่ง Proxy จะแกะ Packet ออก เพื่อตรวจข้อมูลแล้วพิจารณาดูว่าข้อมูลที่ส่งมาดีหรือไม่ และสามารถให้ผ่านไปได้ตามเงื่อนไงที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ ถ้าดีก็ให้ผ่าน ถ้าไม่ดีก็ถูกทำลาย
7. ข้อมูลที่ผ่านไปได้ ก็จะส่งไปอีกเส้นทาง ซึ่งในการเดินทางนี้ก็จะมีตัว Router คอยจัดแยกเส้นทางที่เหมาะสมให้ กับข้อมูลอีกรอบ ข้อมูลจะถูกส่งไปที่ Firewall ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกำแพงกั้นที่เป็นลักษณะของ Security ช่องทางข้อมูลที่ผ่านได้ ช่องทางก็จะเปิดและรับข้อมูลไป ช่องทางที่ตั้งให้ผ่านไม่ได้ช่องทางก็จะปิด ไม่สามารถผ่านได้
8. ข้อมูลที่ผ่านเข้าไปในแต่ละ Port ได้ ก็จะถูกตรวจสอบอีกครั้ง แต่บางข้อมูลก็ผ่านไปไม่ได้ ซึ่งจะถูกทำลายโดย Web Browser แบบ One by One
9. เมื่อ Packet กลับมาที่เครื่องเรา ก็จะถูกเก็บข้อมูลเข้าสู่หน่วยความจำ โดยเทข้อมูลออกมา จากนั้นก็ส่งข้อมูลที่ได้เข้าสู่ระบบ Internet โดย Web Browser ส่วน Packet ที่ใช้แล้วจะถูกถอดส่วนหัวทิ้ง แล้วนำส่วนตัวไปใช้ในการส่งข้อมูลครั้งต่อไป
1. ก่อนการส่งข้อมูลต้องมีการจัดเก็บข้อมูลให้เป็น Packet ก่อนซึ่งการจัดเก็บข้อมูลเป็น Packet นี้ก็เหมือนการบรรจุลงกล่อง นั้นเอง และ Packet ที่ส่งไปก็มีหลายชนิดเช่น TCP Packet , ICMD Packet และ UDP Packet เป็นต้น
2. แต่ละ Packet มีการติดฉลาก หรือ Label เพื่อเป็นการระบุให้ทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ Packet นั้นๆ
3. ส่งข้อมูลแต่ละ Packet ไปตามเส้นทาง ( เส้นทางเป็นลักษณะของลำแสง) ซึ่งในระหว่างส่งข้อมูลนี้ มีข้อมูลบาง Packet ถูกทำลายไป
4. ในเส้นทางมีทั้ง Packet เดินทางไป และ Packet เดินทางกลับ คือเดินสวนกันบ้าง คล้ายกับการจราจรของรถยนต์ บนถนน แตกต่างตรงที่ไม่มีเลน ในการเดินทาง อาจทำให้ Packet ถูก ทำลายไปบ้าง ซึ่งในการเดินทางของ Packet นั้นจะมี Router คอยจัดเส้นทางให้เหมาะสมกับ Packet
5. จาก Router ก็จะไปที่ Router Switch ที่คัดแยกข้อมูลอีกรอบ ซึ่งจะแยกข้อมูลออกเป็นหลายทางเพื่อส่ง Packet ไปยัง Proxy โดยปัดข้อมูลไปตามทาง ซึ่งกำหนดเส้นทางของข้อมูลโดยเลขฐานสองที่ปรากฏบนหน้าจอของ Router Switch
6. จากนั้น Proxy ก็จะทำการคัดแยกข้อมูลเข้าเก็บไว้เป็นชั้นๆ อย่างเป็นระเบียบซึ่ง Proxy จะแกะ Packet ออก เพื่อตรวจข้อมูลแล้วพิจารณาดูว่าข้อมูลที่ส่งมาดีหรือไม่ และสามารถให้ผ่านไปได้ตามเงื่อนไงที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ ถ้าดีก็ให้ผ่าน ถ้าไม่ดีก็ถูกทำลาย
7. ข้อมูลที่ผ่านไปได้ ก็จะส่งไปอีกเส้นทาง ซึ่งในการเดินทางนี้ก็จะมีตัว Router คอยจัดแยกเส้นทางที่เหมาะสมให้ กับข้อมูลอีกรอบ ข้อมูลจะถูกส่งไปที่ Firewall ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกำแพงกั้นที่เป็นลักษณะของ Security ช่องทางข้อมูลที่ผ่านได้ ช่องทางก็จะเปิดและรับข้อมูลไป ช่องทางที่ตั้งให้ผ่านไม่ได้ช่องทางก็จะปิด ไม่สามารถผ่านได้
8. ข้อมูลที่ผ่านเข้าไปในแต่ละ Port ได้ ก็จะถูกตรวจสอบอีกครั้ง แต่บางข้อมูลก็ผ่านไปไม่ได้ ซึ่งจะถูกทำลายโดย Web Browser แบบ One by One
9. เมื่อ Packet กลับมาที่เครื่องเรา ก็จะถูกเก็บข้อมูลเข้าสู่หน่วยความจำ โดยเทข้อมูลออกมา จากนั้นก็ส่งข้อมูลที่ได้เข้าสู่ระบบ Internet โดย Web Browser ส่วน Packet ที่ใช้แล้วจะถูกถอดส่วนหัวทิ้ง แล้วนำส่วนตัวไปใช้ในการส่งข้อมูลครั้งต่อไป
วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
รูปแบบการใช้คำสั่ง Lap
Microsoft Windows XP Professional ( Version 5.1.2600 )
copyright 1985 – 2001 Microsoft Corp.
C:\ Documents and Settings \G-speed> ipconfig
-Windows IP configuration
* เมื่อพิมพ์คำสั่ง ipconfig จะมีการบอกค่าต่างๆ
-Ethernet adapter local Area Connection:
Connection-specific DNS suffix : local
IP Address………………: 172.16.1.195
Subnet Mask…………….:255.255.255.0
Default Gateway………...:172.16.1.1
*เมื่อพิมพ์คำสั่ง/ all ลงไปจะแสดงค่าต่างๆของเครื่อง
Host Name…………….:Microsoft-dbe629
Primary DNS Suffix…..:
Node Type…………….:Unknown
IP Routing Enabled…...:No
Wins proxy Enabled…..:No
DNS Suffix Search List……:Local
2.
*เมื่อใส่คำสั่ง ping ตามด้วยเลขไอพีของเครื่อง
- คำสั่ง pinging
* pinging 172.16.1.195 with 32 bytes of data:
* เป็นคำสั่งที่บอกถึงเวลาการส่งข้อมูล
Reply from 172.16.1.195: bytes = 32 time<1ms ttl="128">
Ping statistics for 172.16.1.195:
Packets: Sent=4 , Received=4 ,Lost=0 <0%loss> ,
Approximate round trip time in mill-seconds:
Minimum = oms, Maximum=oms , Average=oms
*ping 172.16.1.195-t ไม่มีการแสดงข้อมูลต่างๆออกมา
- ใส่ IP ของเพื่อนลงไป
2.4
pinging 192.168.1.112 writ 32 bytes of data Request time out.
Pig statistics for 192.168.1.112:
Packets : Sent = 4 , Received=0 ,Lost=4 <100%loss> ,
เมื่อใส่ – t หลัง Ip Address จะแสดงเหมือนกัน คือ
Reguest time out ( 4 บรรทัด )
ตี่ข้อความเพิ่ม คือ
Reply from 172 .16.1.1 : Destination host unreachable
โดยจะขึ้นมาเรื่อยๆ โดยไม่มีการหยุด โดยข้อความจะขึ้น 10 บรรทัด
สลับกันกับข้อความ Request time out
3.
* ใส่คำสั่ง arp-a
จะมีคำสั่ง
Interface เกิดขึ้น : 172.16.1.195- - ox2
Internet Address : Physical Address Type
172.16.1.1 : 00-13-f7-72-31-31 dynamic
4.
เมื่อใช้คำสั่ง net stat-r ก่อจะมีการแสดง
Route table แสดงเป็นตาราง จะบอกค่าต่างๆ ใน Interface List เช่น Network Destination , Net mask , Gateway , Interface , Metric
*แสดงค่าต่างๆ เหล่านี้ทีล่ะบรรทัด
5.1
เมื่อพิมพ์คำสั่ง tracert www.cru.in.th
Tracing route to www.cru.in.th [58.137.30.52]
*มีการบอกค่าการรับข้อมูล-การส่งข้อมูล ของไอพี เอสเดรส
1. <1ms <1ms <1ms
2. 1ms 1ms 1ms 113.53.96.1
3. 33ms 35ms 35ms 203.114.125.1
4. 34ms 51ms 35ms 192.168.1.1.253
Ads 1 ,dynamic , tobbnet [118.174.231.253]
*จะมีการแสดง ขึ้นมาเรื่อยๆ
5.2
Tracert 58.137.30.11 ( เหมือนข้อ 5.1)
Tracing route to 58.137.30.11 OVER a maximum of 30 hops.
1. <1ms <1ms <1ms lnonowall. Local [172.16.1.1]
2. 2ms 1ms 1ms 192.168.1.1
*มีการแสดงข้อมูลต่างๆ ออกมาเป็น trace ต่างๆ
5.3
Tracert www.hotmail.com (เหมือนข้อ 5.1, 5.2)
แต่การแสดงตัวเลขใน Tracert จะต่างกัน
5.4
Tracert www.sanook.com
(การแสดงข้อมูลเหมือนข้อ 5.1,5.2)
แต่ค่า IP จะต่างกัน
Maximum of 30 hops เหมือนกัน ทุก ข้อ
Trace ตัวเลขจะไม่ซ้ำ กัน
6.
www.cru.in.th ในช่อง address กด Enter
แสดง Website Cru.in.th เช่นกัน
C:\ Documents and Settings \G-speed> ipconfig
-Windows IP configuration
* เมื่อพิมพ์คำสั่ง ipconfig จะมีการบอกค่าต่างๆ
-Ethernet adapter local Area Connection:
Connection-specific DNS suffix : local
IP Address………………: 172.16.1.195
Subnet Mask…………….:255.255.255.0
Default Gateway………...:172.16.1.1
*เมื่อพิมพ์คำสั่ง/ all ลงไปจะแสดงค่าต่างๆของเครื่อง
Host Name…………….:Microsoft-dbe629
Primary DNS Suffix…..:
Node Type…………….:Unknown
IP Routing Enabled…...:No
Wins proxy Enabled…..:No
DNS Suffix Search List……:Local
2.
*เมื่อใส่คำสั่ง ping ตามด้วยเลขไอพีของเครื่อง
- คำสั่ง pinging
* pinging 172.16.1.195 with 32 bytes of data:
* เป็นคำสั่งที่บอกถึงเวลาการส่งข้อมูล
Reply from 172.16.1.195: bytes = 32 time<1ms ttl="128">
Ping statistics for 172.16.1.195:
Packets: Sent=4 , Received=4 ,Lost=0 <0%loss> ,
Approximate round trip time in mill-seconds:
Minimum = oms, Maximum=oms , Average=oms
*ping 172.16.1.195-t ไม่มีการแสดงข้อมูลต่างๆออกมา
- ใส่ IP ของเพื่อนลงไป
2.4
pinging 192.168.1.112 writ 32 bytes of data Request time out.
Pig statistics for 192.168.1.112:
Packets : Sent = 4 , Received=0 ,Lost=4 <100%loss> ,
เมื่อใส่ – t หลัง Ip Address จะแสดงเหมือนกัน คือ
Reguest time out ( 4 บรรทัด )
ตี่ข้อความเพิ่ม คือ
Reply from 172 .16.1.1 : Destination host unreachable
โดยจะขึ้นมาเรื่อยๆ โดยไม่มีการหยุด โดยข้อความจะขึ้น 10 บรรทัด
สลับกันกับข้อความ Request time out
3.
* ใส่คำสั่ง arp-a
จะมีคำสั่ง
Interface เกิดขึ้น : 172.16.1.195- - ox2
Internet Address : Physical Address Type
172.16.1.1 : 00-13-f7-72-31-31 dynamic
4.
เมื่อใช้คำสั่ง net stat-r ก่อจะมีการแสดง
Route table แสดงเป็นตาราง จะบอกค่าต่างๆ ใน Interface List เช่น Network Destination , Net mask , Gateway , Interface , Metric
*แสดงค่าต่างๆ เหล่านี้ทีล่ะบรรทัด
5.1
เมื่อพิมพ์คำสั่ง tracert www.cru.in.th
Tracing route to www.cru.in.th [58.137.30.52]
*มีการบอกค่าการรับข้อมูล-การส่งข้อมูล ของไอพี เอสเดรส
1. <1ms <1ms <1ms
2. 1ms 1ms 1ms 113.53.96.1
3. 33ms 35ms 35ms 203.114.125.1
4. 34ms 51ms 35ms 192.168.1.1.253
Ads 1 ,dynamic , tobbnet [118.174.231.253]
*จะมีการแสดง ขึ้นมาเรื่อยๆ
5.2
Tracert 58.137.30.11 ( เหมือนข้อ 5.1)
Tracing route to 58.137.30.11 OVER a maximum of 30 hops.
1. <1ms <1ms <1ms lnonowall. Local [172.16.1.1]
2. 2ms 1ms 1ms 192.168.1.1
*มีการแสดงข้อมูลต่างๆ ออกมาเป็น trace ต่างๆ
5.3
Tracert www.hotmail.com (เหมือนข้อ 5.1, 5.2)
แต่การแสดงตัวเลขใน Tracert จะต่างกัน
5.4
Tracert www.sanook.com
(การแสดงข้อมูลเหมือนข้อ 5.1,5.2)
แต่ค่า IP จะต่างกัน
Maximum of 30 hops เหมือนกัน ทุก ข้อ
Trace ตัวเลขจะไม่ซ้ำ กัน
6.
www.cru.in.th ในช่อง address กด Enter
แสดง Website Cru.in.th เช่นกัน
สรุป ความหมายการสื่อสารข้อมูล
1. การสื่อสารข้อมูล
- การสื่อสารข้อมูล คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ ผ่านตัวกลางในกานสื่อสาร ( Transmission Media ) เช่น การสื่อสารข้อมูลระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สองเครื่องด้วยการใช้สายเคเบิลเป็นตัวกลางในการสื่อสาร
จากหนังสือ การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย
ผู้แต่ง สุรชาติ พงศ์สุชน
- การสื่อสารข้อมูล หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดหรือนำข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยผ่านสื่อกลาง โดยไม่คำนึงถึงลักษณะทางกายภาพ ซึ่งข้อมูลอาจเป็นข้อความ หรือ รูปภาพ หรือ สัญญาลักษณ์ หรืออี่นๆ ที่ต้องการถ่ายทอดไปยังปลายทางและการสื่อสารข้อมูลที่มักจะกล่าวถึงในทางคอมพิวเตอร์นั้นจะเกิดขึ้นจากการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป
จากหนังสื่อ เครือข่ายคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร
ผู้แต่ง โอกาส เชียมสิริวงศ์
- การสื่อสารข้อมูลคือ การส่งข้อมูลข่าวสารจากจุดๆ หนึ่ง ซึ่งเรียกว่า จุดเริ่มต้นหรือจุดส่งสัญญาณไปยังจุดปลายทางหรือจุดรับข่าวสารโดยอาศัยตัวกลางหรือพาหนะนำสัญญาณ
จากหนังสือ การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ผู้แต่ง วิทยา บุญสุข
2. เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์คือ การนำเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องมาเชื่อมต่อกันโดยผ่านตัวกลางในการสื่อสาร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันตลอดจนสามารถแชร์ทรัพยากรต่างๆร่วมกันได้
วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
สรุป Networking Animations
1. No Network การเชื่อมต่อเครือข่ายหลายเครือในการทำงาน จะวนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจุดเริ่มต้น
2. Hub เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวลูก สัญญาณจะถูก Shareตามจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมอยู่
3. Switch เป็นการกำหนด VLAN ให้กับ Interface ต่างๆของ Multilayer Switch เพื่อให้สามารถรับและส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทางภายในเครือข่ายเดียวกัน ได้อย่างถูกต้อง รวมไปถึงการกำหนด parameter ต่างๆ ของ VLAN เพื่อให้ Switch สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Switch อื่นๆที่เชื่อมต่อเข้ามา
4. Switched Network With No Server เป็นสลับสัญญาณ แปลงสัญญาณ หรือกระจายสัญญาณของอุปกรณ์จอภาพ
5. Switched Network With Server เป็นอุปกรณ์รับส่งสัญญาณคอมพิวเตอร์ จะจ่ายสัญญาณให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่เท่าๆกัน
6. Adding Switches เป็นระบบเครือข่ายที่ทำงานโดยการแบ่งข้อมูลที่ต้องการส่ง
7. The Address Resolution Protocol (ARP) การทำงานของ ARPเมื่อแพ็คเกตนำเข้าที่ระบุเครื่อง host ในระบบเครือข่ายมาถึง Gateway เครื่องที่ Gateway จะเรียกโปรแกรม ARP ให้หาเครื่อง host หรือ MAC address ที่ตรงกับ IP address โปรแกรม ARP จะหาใน ARP cache เมื่อพบแล้วจะแปลงแพ็คเกต เป็นแพ็คเกตที่มีความ ยาวและรูปแบบที่ถูกต้อง เพื่อส่งไปยังเครื่องที่ระบุไว้ แต่ถ้าไม่พบ ARP จะกระจาย แพ็คเกตในรูปแบบพิเศษ ไปยังเครื่องทุกเครื่องในระบบ และถ้าเครื่องใดเครื่องหนึ่งทราบว่ามี IP address ตรงกันก็จะตอบกลับมาที่ ARP โปรแกรม ARP จะปรับปรุง ARP cache และส่งแพ็คเกตไปยัง MAC address หรือเครื่องที่ตอบมา
8. ARP with Multiple Networks เครือข่ายการไหลของข้อมูล
9. Dynamic Host Configuration Protocol (DHCP) เป็นโพรโทคอลที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำงานแบบแม่ข่าย-ลูกข่าย โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายจะทำการร้องขอข้อมูลที่จำเป็น ในการเข้าร่วมเครือข่ายจากแม่ข่าย
10. Routing and Forwarding การกำหนดเส้นทางของข้อมูล ที่ติดต่อเข้ามายัง router
11. IP Subnets การแบ่ง network id (ip address) ออกเป็นชุดย่อยๆ ทำให้ host id (network ip) เพิ่มขึ้นแต่ network ip (ip address) ลดลง
12. TCP Connections การติดตามการเชื่อมต่อการทำงาน ในกานส่งข้อมูลต่างๆ
13. TCP Multiplexing การเชื่อมต่อกันในการส่งข้อมูล By eliminating most of the "hello-goodbye" setup and tear down overhead so that transactions can flow freely over the WAN via managed server connections, these systems dramatically improve the efficiency of high-traffic Web sites and Internet services. ข้อมูลสามารถไหลได้อย่างอิสระในกานผ่าน
14. TCP Buffering and Sequencing การส่งและการรับการเชื่อมต่อแต่ละ Buffer ผู้ส่งจะต้องไบต์ข้อมูลที่จะส่งไป
15. User Datagram Protocol (UDP) การส่งข้อมูลผ่าน UDP นั้น คอมพิวเตอร์จะส่งข้อมูลขนาดเล็กที่เรียกว่า เดต้าแกรม (datagram) ผ่านเครือข่ายไปยังเครื่องปลายทาง โดย UDP จะไม่รับประกันความน่าเชื่อถือและลำดับของเดต้าแกรม อย่างที่ TCP รับประกัน ซึ่งหมายความว่าเดต้าแกรมอาจมาถึงไม่เรียงลำดับ หรือสูญหายระหว่างทางได้
16. IP Fragmentation การที่นำข้อมูลใหญ่ๆมาแบ่งย่อยเป็นหลายๆ packet แล้วค่อยประกอบที่ปลายทาง
17. Switch Congestion อุปกรณ์ศูนย์กลาง สำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ หลายเครื่องเข้าด้วยกัน
18. TCP Flow Control มีกลไกควบคุมการไหลของข้อมูล โดยการควบคุมนี้จะต้องอาศัยลำดับของการรับส่งที่ถูกต้อง และสัมพันธ์กันทั้ง 2 ฝั่ง
19. Internet Access การการเชื่อมต่อความเร็วสูง Internet สามารถเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดซึ่งเป็นประโยชน์มากความเร็วสูง Internet สามารถเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดซึ่งเป็นประโยชน์มาก
20. Email Protocols ระเบียบการในการติดต่อสื่อสาร ในการส่งข้อมูล
21. Wireless Network and Multiple Access with Collision Avoidance การส่งจะส่งสัญญาณเรียก ขอให้ส่ง (RTS) กับความยาวของเฟรมข้อมูลที่จะส่ง ถ้ารับช่วยส่งมันตอบกลับผู้ส่งสัญญาณที่เรียกว่า ล้างเพื่อส่ง (CTS)
22. Virtual Private Network (VPN) เครือข่ายที่มีการติดต่อเชื่อมโยงโดยอาศัยเส้นทางจากเครือข่ายสาธารณะในการเชื่อมต่อกัน แต่เครือข่ายชนิดนี้จะเชื่อมต่อกันได้ภายในองค์กรเดียวกันเท่านั้น
23. Public Key Encryption เป็นการเข้ารหัสข้อมูลโดยมีรหัสที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 รหัส คือ Public key และ Private key ซึ่งรหัสนี้จะต้องเข้าคู่กันเสมอ การเข้ารหัสข้อมูลจะนำข้อมูลดิบมาเข้ารหัสข้อมูลโดยใช้ Public key เป็นรหัสลับ เมื่อได้ข้อมูลที่เข้ารหัสแล้วผู้รับจะถอดรหัสได้โดยใช้ Private key ที่เข้าคู่กับ Public key มาทำการถอดรหัสข้อมูลได้
24. Firewalls โปรแกรมที่ออกแบบเพื่อตรวจสอบและควบคุมการไหลของการจราจรระหว่างคอมพิวเตอร์และเครือข่าย
25. Stop-and-Wait ARQ Idle RQ กำหนดขึ้นเพื่อทำให้การส่ง frame ให้มีความน่าเชื่อถือ ทำการแยกแยะระหว่าง ผู้ส่งและผู้รับของ data frame
26. Go-Back-N ARQ ถ้า S ตรวจพบการเรียงลำดับผิด , มันจะเรียกให้ P ส่งกลับสำหรับ frame เฉพาะลำดับที่เรียกกลับ ให้ถูกต้อง กล่าวคือจะเรียกกลับเฉพาะ frame ที่ผิด
27. Selective Repeat ARQ การส่งต่อไปส่งจำนวนเฟรมที่กำหนดโดยขนาดของหน้าต่างได้หลังจากการสูญเสียเฟรม
28. The OSI model การทำงานในการเชื่อมต่อระหว่างระบบในแต่ละชั้นการทำงาน
29. Peer-to-peer (P2P) Computer Network รูปแบบการเชื่อมต่อกันที่ไม่จำเป็นต้องใช้ server เป็นศูนย์กลางดังเช่น client/server โดยที่ทุก node จะมีการแชร์ข้อมูล,resource ซึ่งกันและกัน
30. Ad-Hoc Network เป็นเครือข่ายที่ก่อรูปขึ้นโดยไม่มีการอำนวยการส่วนกลาง ที่มีการอินเตอร์เฟสติดต่อกันแบบไร้สาย เพื่อส่งข้อมูลในรูปของแพ็กเกตข้อมูลระหว่างกัน โหนดที่อยู่ในเครือข่าย สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้ง Router และ Host ดังนั้นจึงสามารถ ที่จะส่งต่อแพ็กเกตข้อมูลแทนโหนดอื่นและรันแอพพลิเคชันต่างๆได้
2. Hub เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวลูก สัญญาณจะถูก Shareตามจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมอยู่
3. Switch เป็นการกำหนด VLAN ให้กับ Interface ต่างๆของ Multilayer Switch เพื่อให้สามารถรับและส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทางภายในเครือข่ายเดียวกัน ได้อย่างถูกต้อง รวมไปถึงการกำหนด parameter ต่างๆ ของ VLAN เพื่อให้ Switch สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Switch อื่นๆที่เชื่อมต่อเข้ามา
4. Switched Network With No Server เป็นสลับสัญญาณ แปลงสัญญาณ หรือกระจายสัญญาณของอุปกรณ์จอภาพ
5. Switched Network With Server เป็นอุปกรณ์รับส่งสัญญาณคอมพิวเตอร์ จะจ่ายสัญญาณให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่เท่าๆกัน
6. Adding Switches เป็นระบบเครือข่ายที่ทำงานโดยการแบ่งข้อมูลที่ต้องการส่ง
7. The Address Resolution Protocol (ARP) การทำงานของ ARPเมื่อแพ็คเกตนำเข้าที่ระบุเครื่อง host ในระบบเครือข่ายมาถึง Gateway เครื่องที่ Gateway จะเรียกโปรแกรม ARP ให้หาเครื่อง host หรือ MAC address ที่ตรงกับ IP address โปรแกรม ARP จะหาใน ARP cache เมื่อพบแล้วจะแปลงแพ็คเกต เป็นแพ็คเกตที่มีความ ยาวและรูปแบบที่ถูกต้อง เพื่อส่งไปยังเครื่องที่ระบุไว้ แต่ถ้าไม่พบ ARP จะกระจาย แพ็คเกตในรูปแบบพิเศษ ไปยังเครื่องทุกเครื่องในระบบ และถ้าเครื่องใดเครื่องหนึ่งทราบว่ามี IP address ตรงกันก็จะตอบกลับมาที่ ARP โปรแกรม ARP จะปรับปรุง ARP cache และส่งแพ็คเกตไปยัง MAC address หรือเครื่องที่ตอบมา
8. ARP with Multiple Networks เครือข่ายการไหลของข้อมูล
9. Dynamic Host Configuration Protocol (DHCP) เป็นโพรโทคอลที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำงานแบบแม่ข่าย-ลูกข่าย โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายจะทำการร้องขอข้อมูลที่จำเป็น ในการเข้าร่วมเครือข่ายจากแม่ข่าย
10. Routing and Forwarding การกำหนดเส้นทางของข้อมูล ที่ติดต่อเข้ามายัง router
11. IP Subnets การแบ่ง network id (ip address) ออกเป็นชุดย่อยๆ ทำให้ host id (network ip) เพิ่มขึ้นแต่ network ip (ip address) ลดลง
12. TCP Connections การติดตามการเชื่อมต่อการทำงาน ในกานส่งข้อมูลต่างๆ
13. TCP Multiplexing การเชื่อมต่อกันในการส่งข้อมูล By eliminating most of the "hello-goodbye" setup and tear down overhead so that transactions can flow freely over the WAN via managed server connections, these systems dramatically improve the efficiency of high-traffic Web sites and Internet services. ข้อมูลสามารถไหลได้อย่างอิสระในกานผ่าน
14. TCP Buffering and Sequencing การส่งและการรับการเชื่อมต่อแต่ละ Buffer ผู้ส่งจะต้องไบต์ข้อมูลที่จะส่งไป
15. User Datagram Protocol (UDP) การส่งข้อมูลผ่าน UDP นั้น คอมพิวเตอร์จะส่งข้อมูลขนาดเล็กที่เรียกว่า เดต้าแกรม (datagram) ผ่านเครือข่ายไปยังเครื่องปลายทาง โดย UDP จะไม่รับประกันความน่าเชื่อถือและลำดับของเดต้าแกรม อย่างที่ TCP รับประกัน ซึ่งหมายความว่าเดต้าแกรมอาจมาถึงไม่เรียงลำดับ หรือสูญหายระหว่างทางได้
16. IP Fragmentation การที่นำข้อมูลใหญ่ๆมาแบ่งย่อยเป็นหลายๆ packet แล้วค่อยประกอบที่ปลายทาง
17. Switch Congestion อุปกรณ์ศูนย์กลาง สำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ หลายเครื่องเข้าด้วยกัน
18. TCP Flow Control มีกลไกควบคุมการไหลของข้อมูล โดยการควบคุมนี้จะต้องอาศัยลำดับของการรับส่งที่ถูกต้อง และสัมพันธ์กันทั้ง 2 ฝั่ง
19. Internet Access การการเชื่อมต่อความเร็วสูง Internet สามารถเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดซึ่งเป็นประโยชน์มากความเร็วสูง Internet สามารถเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดซึ่งเป็นประโยชน์มาก
20. Email Protocols ระเบียบการในการติดต่อสื่อสาร ในการส่งข้อมูล
21. Wireless Network and Multiple Access with Collision Avoidance การส่งจะส่งสัญญาณเรียก ขอให้ส่ง (RTS) กับความยาวของเฟรมข้อมูลที่จะส่ง ถ้ารับช่วยส่งมันตอบกลับผู้ส่งสัญญาณที่เรียกว่า ล้างเพื่อส่ง (CTS)
22. Virtual Private Network (VPN) เครือข่ายที่มีการติดต่อเชื่อมโยงโดยอาศัยเส้นทางจากเครือข่ายสาธารณะในการเชื่อมต่อกัน แต่เครือข่ายชนิดนี้จะเชื่อมต่อกันได้ภายในองค์กรเดียวกันเท่านั้น
23. Public Key Encryption เป็นการเข้ารหัสข้อมูลโดยมีรหัสที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 รหัส คือ Public key และ Private key ซึ่งรหัสนี้จะต้องเข้าคู่กันเสมอ การเข้ารหัสข้อมูลจะนำข้อมูลดิบมาเข้ารหัสข้อมูลโดยใช้ Public key เป็นรหัสลับ เมื่อได้ข้อมูลที่เข้ารหัสแล้วผู้รับจะถอดรหัสได้โดยใช้ Private key ที่เข้าคู่กับ Public key มาทำการถอดรหัสข้อมูลได้
24. Firewalls โปรแกรมที่ออกแบบเพื่อตรวจสอบและควบคุมการไหลของการจราจรระหว่างคอมพิวเตอร์และเครือข่าย
25. Stop-and-Wait ARQ Idle RQ กำหนดขึ้นเพื่อทำให้การส่ง frame ให้มีความน่าเชื่อถือ ทำการแยกแยะระหว่าง ผู้ส่งและผู้รับของ data frame
26. Go-Back-N ARQ ถ้า S ตรวจพบการเรียงลำดับผิด , มันจะเรียกให้ P ส่งกลับสำหรับ frame เฉพาะลำดับที่เรียกกลับ ให้ถูกต้อง กล่าวคือจะเรียกกลับเฉพาะ frame ที่ผิด
27. Selective Repeat ARQ การส่งต่อไปส่งจำนวนเฟรมที่กำหนดโดยขนาดของหน้าต่างได้หลังจากการสูญเสียเฟรม
28. The OSI model การทำงานในการเชื่อมต่อระหว่างระบบในแต่ละชั้นการทำงาน
29. Peer-to-peer (P2P) Computer Network รูปแบบการเชื่อมต่อกันที่ไม่จำเป็นต้องใช้ server เป็นศูนย์กลางดังเช่น client/server โดยที่ทุก node จะมีการแชร์ข้อมูล,resource ซึ่งกันและกัน
30. Ad-Hoc Network เป็นเครือข่ายที่ก่อรูปขึ้นโดยไม่มีการอำนวยการส่วนกลาง ที่มีการอินเตอร์เฟสติดต่อกันแบบไร้สาย เพื่อส่งข้อมูลในรูปของแพ็กเกตข้อมูลระหว่างกัน โหนดที่อยู่ในเครือข่าย สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้ง Router และ Host ดังนั้นจึงสามารถ ที่จะส่งต่อแพ็กเกตข้อมูลแทนโหนดอื่นและรันแอพพลิเคชันต่างๆได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)